นายก อุ๊งอิ๊ง

นายก อุ๊งอิ๊ง ยันไทยพร้อมรบ แต่เลือกสันติวิธี ไม่อยากเห็นการสูญเสีย วอนคนไทยรวมใจเป็นหนึ่ง หยุดปล่อย “เฟคนิวส์”

นายก อุ๊งอิ๊ง ยันไทยพร้อมรบ แต่เลือกสันติวิธี ไม่อยากเห็นการสูญเสีย

นายก อุ๊งอิ๊ง ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 4 มิถุนายน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการรักษาอธิปไตยของประเทศไทยไว้ โดยรัฐบาลและทหารได้มีการพูดคุยหารืออยู่ตลอดเวลาว่าจะไปในทิศทางใดและอย่างไร รวมถึงความปลอดภัยได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว หากเกิดการปะทะ สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น แม้ประเทศไทยจะใช้สันติวิธี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผิดคาด ก็พร้อมที่รับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเลือกสันติวิธี เพราะไม่ต้องการให้มีการปะทะ ไม่ต้องการให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อไม่ว่าจะเป็นคนของประเทศไหน

“เครื่องมือและอุปกรณ์มีความพร้อม แต่พร้อมที่พูดคุยได้ในทุกระดับ ซึ่งวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ไทย-กัมพูชา ในวันที่ 14 มิถุนายน 68” นายกรัฐมนตรี ย้ำ น.ส.แพทองธาร กล่าว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ประเด็นของการเมืองภายในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายว่า ฝ่ายรัฐบาลทำงานดีหรือไม่ดี ทหารทำงานดีหรือไม่ดี แต่ทุกคนต้องช่วยกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คนไทยทุกคนต้องรักและสามัคคีกัน “ทุก ๆ สื่อ ต้องขอให้ช่วยเหลือกัน เพราะสื่อมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนกลุ่มมากจำเป็นต้องสื่อสารกับคนทุกคน ให้เข้าใจถูกต้องว่า เมื่อมีปัญหาระหว่างประเทศ คนไทยต้องสามัคคีกัน ถึงจะมีแรงในการต่อสู้ พูดคุยเจรจา ต้องใช้ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน”

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ประชาชน ทุกคนคือคนไทยและประเทศไทย ซึ่งต้องให้ความร่วมมือ การแสดงความคิดเห็นหรือการปล่อยเฟคนิวส์ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ช่วงระยะเวลาก่อนถึงวันที่ 14 มิถุนายน คนในชาติต้องรักกันและเข้าใจด้วยว่า ความร่วมมือต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก ส่วนรายละเอียดของการพูดคุยในทุกระดับนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด ขอให้ทุก ๆ คนเข้าใจ และขอย้ำว่า อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง ทำให้คนที่ไม่สนับสนุนออกมาต่อสู้กัน วันนี้ คนไทยต้องร่วมมือกัน เพื่อที่จะปกป้องพื้นที่ ปกป้องคนไทย คือ สิ่งสำคัญ

 

โดยก่อนหน้าการประชุม ครม. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” โดยระบุว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม เหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.นั้นทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติและไม่ลุกลามบานปลาย และเห็นพ้องที่จะใช้กลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งหนึ่งในกลไกนั้น คือกลไก JBC ตามที่ ผู้บัญชาการทหารบก ของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา

 

 

แถลงการณ์ระบุว่า ส่วนท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ที่อาจประสงค์จะใช้กลไกทางศาลหรือฝ่ายที่สามมาพิจารณาเรื่องนี้นั้น ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาและความตกลงต่างๆ และพร้อมจะเจรจาผ่านกลไกระดับทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC (การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม) ซึ่งกัมพูชาตอบรับที่จะจัดขึ้นวันที่ 14 มิถุนายน ที่กัมพูชา, GBC (คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา) ซึ่งเป็นกลไกระดับ รมว.กลาโหม และ RBC (คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค)ซึ่งเป็นกลไกระดับแม่ทัพภาค

รัฐบาลทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันที่จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชน เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ “รัฐบาลขอยืนยันว่า ปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทั่วไป มีความสงบเรียบร้อย ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามขั้นตอนในการปกป้องอธิปไตยของไทย และรักษาสิทธิทางกฎหมายของไทยอย่างครบถ้วน และเชื่อมั่นว่า ไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน รวมถึงความเป็นครอบครัวของอาเซียนด้วยกัน” แถลงการณ์ระบุ  miramar-rangers