ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2568 คน ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น เดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 12.3 % ขยายตัวดีต่อเนื่อง จากปี 2567 ที่มีการเดินทางเข้าไทยแตะหลักล้านคนเป็นครั้งแรก นับจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเดินหน้าจัดโรดโชว์ 3 เมืองใน ภายใต้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025 ระหว่างวันที่ 26–30 พฤษภาคม 2568 เพื่อกระตุ้นโมเมนตั้มการฟื้นตัวตลาด และดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากตลาด เข้าไทยเพิ่มขึ้น ก่อนโควิด-19 (ปี 2562) นักท่องเที่ยว เดินทางเที่ยวไทยสูงถึง 1.78 ล้านคน สร้างรายได้ 9.37 หมื่นล้านบาท และเพิ่งจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาว เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 1,050,904 คน เพิ่มขึ้น 30.68% จากปีก่อนหน้า นับเป็นตัวเลขที่แตะ 1 ล้านคนเป็นครั้งแรก หลังจากวิกฤตโควิด-19 ขณะที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 3.74 แสนคน เพิ่มขึ้น 12.32 % ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตมาจากการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ทำให้ ททท. คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ในปี 2568 จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา
สอดคล้องกับแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคน ซึ่งจากข้อมูลขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (JNTO) รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยว ที่เดินทางออกนอกประเทศในเดือนก.พ.2568 มีจำนวน 1,181,100 คน เพิ่มขึ้น 20.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้อาจจะยังลดลงอยู่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิด ซึ่งอยู่ที่ 1,534,792 คนก็ตาม ประกอบกับการท่องเที่ยว (Japan Tourism Agency) โดย กระทรวงการต่างประเทศ และสมาคมตัวแทนการท่องเที่ยว (JATA) ร่วมกันเปิดตัวโครงการ “เที่ยวต่างประเทศได้อีก!” (Motto Kaigai e Sengen!) เพื่อกระตุ้นชาว โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวให้เดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น ตั้งเป้าไว้ที่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด
เริ่มจากเปิดตัวแคมเปญสำหรับผู้ทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ มอบส่วนลด คูปอง หรือคะแนนสะสม เป็นด้วย ด้วยงบประมาณ 200 ล้านเยน หรือสำหรับหนังสือเดินทาง 2.5 หมื่นเล่ม ขณะที่รายงานเศรษฐกิจ ประจำเดือน มี.ค. 2568 ระบุว่า มีแนวโน้มการพื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การบริโภคส่วนบุคคลมีแนวโน้มฟื้นตัว การลงทุน และการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัว การผลิตทรงตัว การจ้างงานมีแนวโน้มดีขึ้น ด้านธนาคารกลาง (BOJ) ก็ระบุถึงสถิติการไหลเวียนของเงินทุน ว่าการอ่อนค่าของเงินเยน ทำให้มูลค่าสินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริโภคของครัวเรือนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้จึงเป็นโอกาสในการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อคนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า การจัดกิจกรรม Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025
ททท.นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยจำนวน 25 ราย เดินทางไปร่วมกิจกรรม Trade Meeting นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวพร้อมแพ็คเกจและโปรโมชั่นท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจแก่ผู้ประกอบการ กว่า 60 รายใน 3 เมืองหลัก ได้แก่ กรุงโตเกียว, เมืองนาโงย่า และเมืองฟูกูโอกะ คาดว่าจะมีนัดหมายการเจรจาธุรกิจรวมกว่า 1,000 นัดหมาย การจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นการเดินทางในช่วง Green Season (พฤษภาคม-ตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของ โดยการนำเสนอแพ็คเกจและโปรโมชั่นการท่องเที่ยวไทยที่คุ้มค่า เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยว รวมถึงมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มระดับพรีเมียมและขยายฐานตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen-Z ที่มีความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แล้ว ยังมุ่งรักษาฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพที่เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว (Revisit) และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วไปจากทั้งเมืองหลักและเมืองรองในพื้นที่ตลาด ให้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยวอีกด้วย
Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025 ประกอบด้วย การจัดกิจกรรม Trade Meet เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย กิจกรรม Amazing Thailand Product Briefing เพื่ออัปเดตสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย, กิจกรรม Networking Reception และ Amazing Thailand Quiz เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เครือข่ายและสร้างการจดจำแบรนด์ “Amazing Thailand” ในตลาดนักท่องเที่ยว โดยเริ่มจากวันที่ 26 พ.ค. 68 ณ โรงแรม Shinagawa Prince Hotel กรุงโตเกียว ต่อด้วยวันที่ 28 พ.ค.68 ณ โรงแรม Courtyard by Marriott เมืองนาโงย่า และวันที่ 30 พ.ค. 68 ณ โรงแรม Oriental Hotel Fukuoka Hakata Station เมืองฟูกูโอกะ “ททท.คาดว่าในปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศ จะมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศ และแคมเปญการตลาดเชิงรุกของ ททท. ที่มุ่งเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว segment ใหม่ ๆ อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยว Young Generation, Lady กลุ่ม BL Lovers กลุ่มความสนใจพิเศษ เช่น ด้านกีฬา เกมออนไลน์ กลุ่มคนทำงานผ่านระบบทางไกล โดย ททท. ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว 1.2 ล้านคนสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 55,000 ล้านบาท”
นายขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานโตเกียว กล่าวว่า การจัดงานโรดโชว์ในครั้งนี้ ที่โตเกียวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอย่างมาก โดยการเจรจาธุรกิจแบบ B2B ที่เกิดขึ้น มีผู้ประกอบการไทย 25 ราย พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการญี่ปุ่น 28 ราย (เกินเป้า 25 ราย) รูปแบบ 8 นาทีต่อรอบ สินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยที่ผู้ประกอบท่องเที่ยวไทยนำเสนอ มีหลากหลาย อาทิ โรงแรม รวมถึงโปรดักซ์ใหม่ๆ จากผู้ประกอบการตลาดท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน เช่น Environment Education Center หรือ EEC นำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตอบโจทย์ SDGs ที่คน ให้ความสำคัญ อาทิ ปลูกปะการัง เรียนรู้วิถีชุมชน CBT (Community Based Tourism) ส่วนความท้าทายในการทำตลาด คือการแข่งขันภายใน เพราะ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Tourism) ด้วยโครงการคล้าย “เที่ยวคนละครึ่ง” รวมถึงเงินเยนอ่อนค่า ทำให้การเดินทางต่างประเทศแพงขึ้นราว 30% และราคาตั๋วเครื่องบินจาก ไปไทยยังแพงกว่าการซื้อตั๋วจากไทยไป
ขณะที่โอกาสทางการเจาะตลาด ททท.จะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีมากถึง 30 ล้านคนที่ยังไม่เคยมาไทย ขยายฐานตลาดจากส่วนใหญ่ที่คน ที่มาเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ โดยโฟกัสการทำตลาดรับเทรนด์ใหม่ เช่น SDG, การท่องเที่ยวยั่งยืน, บอยเลิฟ รวมถึงการใช้เครื่องมือการตลาดหลากหลาย เช่น การ์ตูน อย่างจะร่วมมือกับ TV Asahi ผู้ผลิตการ์ตูนโดราเอม่อน ต่อยอดการโปรโมทประเทศไทย เพิ่มเติมจากที่ทางTV Asahiซาฮี เพิ่งจะออกตอนใหม่ ที่มีฉากโดราเอม่อนมาเที่ยวไทย มีฉากรถตุ๊กตุ๊กและตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งเขาทำเอง , การทำตลาดผ่าน Social Media, KOL ส่วนมุมมองสำหรับผู้ประกอบการไทย ททท. แนะนำผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาด ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ จ้างพนักงานที่พูด ได้หรือมี Sales คน ปรับตัวตามเทรนด์ ให้ความสำคัญกับ SDGs และการท่องเที่ยวยั่งยืน เข้าใจวัฒนธรรม คน ให้ความสำคัญกับความสะอาด ความสะดวก และความปลอดภัย
ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายและการปรับตัวสู่ตลาดรุ่นใหม่ ทำให้การท่องเที่ยวไทยมีโอกาสดีในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ในระยะยาว แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต่างๆ แต่ด้วยความหลากหลายของเครื่องมือการตลาดและการทำความเข้าใจตลาดเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย 1.2 ล้านคนในปี 2568 ได้ นายขจรเดช กล่าวทิ้งท้าย สำหรับปริมาณเที่ยวบินในเส้นทางระหว่าง ปัจจุบันในตารางบินฤดูร้อน (วันที่ 30 มี.ค.-25 ต.ค. 68) มี 9 สายการบินเปิดเส้นทางบินระหว่าง รวม 7,423 เที่ยวบิน รวมจำนวน 1,983,715 ที่นั่ง ได้แก่ การบินไทย, เจแปนแอร์ไลน์ส ,ANA,ไทยแอร์เอเชีย,ไทยเวียตเจ็ท,พีช แอร์,ZIP AIR และ แอร์ เจแปน ทั้งนี้การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกกำลังเป็นที่นิยมมากในตลาด โดยแหล่งท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่คน นิยมเดินทางมาเที่ยวไทย คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต พระนครศรีอยุธยา และ เชียงใหม่ วันพักเฉลี่ยอยู่ที่ 6.04 คืน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,506 บาทต่อคนต่อวัน กิจกรรมยอดนิยม
ได้แก่ ทานอาหารไทย เยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ นวดและสปา แสงสียามค่ำคืน และกิจกรรมชายหาด มีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมเฉลี่ย 27,214 บาทต่อคนต่อทริป และนักท่องเที่ยว จะคำนึงถึงความปลอดภัย และต้องการสาธารณูปโภคที่ครบครัน ถูกสุขลักษณะอนามัย มีมาตรฐานด้านสาธารณสุขรองรับในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์ของตลาด กำลังปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวของไทย อย่าง การอ่อนค่าของเงินเยนจาก 110 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 เป็น 140-160 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยว เพิ่มขึ้น ในปีที่ผ่านมาก็แซงหน้าประเทศไทยไปเป็นครั้งแรก โดยญี่ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36.9 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 47.1%) ส่วนไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 35.05 ล้านคน รวมถึงการแข่งขันการชิงตลาดของประเทศคู่แข่ง ดังนั้นการเปิดแนวรุกตลาดนักท่องเที่ยว ผ่านการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธที่สำคัญในการชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยด้วยเช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยว เป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติด 1 ใน 10 อันดับแรก ที่เดินทางมาเที่ยวไทยนั่นเอง miramar-rangers